สื่อดังอังกฤษ “Daily Mail” รายงาน เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ เจ้าของบริษัทเคมียักษ์ใหญ่ Ineos วัย 70 ปี ผู้ได้ชื่อว่าเป็นชายที่ร่ำรวยที่สุดของสหราชอาณาจักร ซึ่งกำลังแย่งซื้อ “ผีแดง” แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จากเจ้าของเดิม “ตระกูลเกลเซอร์” แข่งกับกลุ่มทุนต่าง ๆ โดย “ผีแดง” คาดว่าจะสรุปได้ในสิ้นเดือน มี.ค. นี้ เป็นหนึ่งในสองผู้ประมูลที่ได้รับการยืนยันเป็นทางการ คู่กับกลุ่มทุนกาตาร์ นำโดย ชีค ยาสซิม บิน ฮาเหม็ด อัล ธานี บุตรชายของอดีตนายกรัฐมนตรีกาตาร์ ชีค ฮาเหม็ด บิน ยาสซิม บิน จาเบอร์ อัล ธานี ผู้ร่ำรวยที่สุดของกาตาร์
ทั้งนี้ แรตคลิฟฟ์ ได้จ้าง เจพี มอร์แกน และ โกลด์แมน แซคส์ (JP Morgan-Goldman Sachs ) ยักษ์ใหญ่แห่งวอลล์สตรีท มาให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเสนอราคา และจากรายงานของแอธเลติก แรตคลิฟฟ์ ได้ยื่นข้อเสนออย่างเป็นทางการด้วยความหวังว่า สามารถนำ “ผีแดง” กลับมายิ่งใหญ่ เช่นเดียวกับกลุ่มทุนกาตาร์ ที่ประกาศนำ “ผีแดง” คืนสู่ความยิ่งใหญ่ในการเข้าเทคโอเวอร์ แต่สื่ออังกฤษเชื่อว่า แรตคลิฟฟ์ มีประสบการณ์ในการประมูลซื้อสโมสรลูกหนังมากกว่า และกลุ่มทุนกาตาร์ ถือหุ้น ปารีส แซงต์-แชร์กแมง แชมป์ฝรั่งเศส อาจเผชิญกับความท้าทายในการจัดโครงสร้างการเทคโอเวอร์ “ผีแดง” เนื่องจากมีกฎห้ามสองสโมสรที่มีเจ้าของคนเดียวกัน เข้าร่วมศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
แรตคลิฟฟ์ ซื้อสโมสรนีซของฝรั่งเศส ในราคา 91 ล้านปอนด์ ในปี 2019 สองปีหลังจากซื้อทีม เอฟซี โลซานน์-สปอร์ต ของสวิตเซอร์แลนด์ และเคยยื่นซื้อเชลซี 4.25 พันล้านปอนด์ มาแล้ว บอกกับไฟแนนเชียลไทมส์ ว่า “ผมเป็นแฟนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาตลอดชีวิต ผมอยู่ที่นั่นในเกมที่น่าทึ่งที่สุดในปี 1999 ที่บาร์เซโลนา ที่ฝังลึกในใจของผม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเจ้าของโดยตระกูลเกลเซอร์ ผมได้พบกับโจเอลและอัฟรามแล้ว พวกเขาเป็นคนที่น่ารักที่สุด ผมต้องบอกว่าเป็นสุภาพบุรุษที่เหมาะสม พวกเขาไม่ต้องการขายสโมสร เพราะมันเป็นของลูกทั้งหกคนของพ่อ แต่เราไม่สามารถนั่งเฉย ๆ โดยหวังว่าวันหนึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะพร้อมลงสนาม”
ทั้งนี้รอยเตอร์ส ระบุว่าการยื่นเทคโอเวอร์ผีแดงหนนี้ คาดว่าจะทำลายสถิติการขายธุรกิจกีฬา โดยตระกูลเกลเซอร์กำลังมองหาการประเมินมูลค่าสูงถึง 7 พันล้านปอนด์ (8.42 พันล้านดอลลาร์)